9.ด้านการดนตรี

ภาพ:King_of_thailand.jpg

พระองค์ยังเคยทรงเป็นนักดนตรี และทรงเกี่ยวข้องกับการดนตรี มาตั้งแต่สมัยที่ยังทรงเป็น สมเด็จพระอนุชาธิราชในรัชกาลที่ 8 ขณะที่ทรงศึกษาอยู่ ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ได้ทรงฝึกเครื่องดนตรีที่โปรดมากที่สุดคือ Clarinet และ Saxophone ทั้งนี้ทรงได้รับการถวายการสอน และฝึกตามแบบฉบับการศึกษาดนตรีอย่างแท้จริง โดยทรงเรียนดนตรีทั้งในลีลาคลาสสิค และลีลาดนตรีแจ๊ส นอกจากนี้ได้ยังทรงมีพระปรีชาสามารถในทางบรรเลงเยี่ยงนักดนตรีอาชีพ ในฐานะดุริยกวีทรงพระราชนิพนธ์เพลงไว้ถึง 48 เพลง ซึ่งเป็นที่นิยมของคนไทย และชาวต่างประเทศเป็นอย่างมาก

เพลงที่ทรงพระราชนิพนธ์เพลงแรกคือ เพลง “แสงเทียน” เป็นเพลงบลูส์ แต่เนื่องจากมีพระราชประสงค์ ที่จะทรงแก้ไขให้ดีขึ้น จึงได้โปรดเกล้าฯ เพลงพระราชนิพนธ์ “ยามเย็น” และเพลง “สายฝน” ออกมาก่อน ซึ่งเป็นที่ซาบซึ้งแก่พสกนิกรเป็นอย่างมาก จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระราชนิพนธ์เพลงต่างๆ ตามลำดับ โดยเพลงที่ทรงพระราชนิพนธ์ทำนอง และคำร้องภาษาอังกฤษด้วยพระองค์เอง มี 5 เพลง คือ “Echo”, “Still on My Mind”, “Old-Fashioned Melody”, “No Moon” และ “Dream Island” นอกจากนี้ มี 2 เพลง ที่ทรงพระราชนิพนธ์ทำนองขึ้นภายหลังใส่ในคำร้องที่มีผู้ประพันธ์ไว้แล้ว คือ “ความฝันอันสูงสุด” และ “เราสู้”

ผู้ที่โปรดเกล้าฯ ให้แต่งคำร้องประกอบเพลงพระราชนิพนธ์มีหลายท่าน ได้แก่ หม่อมเจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ จักรพันธุ์, ศาสตราจารย์ ท่านผู้หญิงนพคุณ ทองใหญ่ ณ อยุธยา, ศาสตราจารย์ ดร.ประเสริฐ ณ นคร, ท่านผู้หญิงสมโรจน์ สวัสดิกุล ณ อยุธยา, นายจำนงราชกิจ (จรัล บุณยรัตพันธุ์), ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ม.ล.ประพันธ์สนิทวงศ์ และท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค เป็นต้น

ในระยะหลังพระองค์ทรงมีพระราชกรณียกิจมากมาย ทำให้พระองค์ทรงไม่มีเวลาที่จะทรงพระราชนิพนธ์เพลงใหม่ๆออกมา เพลงสุดท้ายที่พระองค์ทรงพระราชนิพนธ์ออกมาคือเพลง “เมนูไข่” เป็นเพลงแนวสนุกสนาน เนื้อร้องโดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานเป็นของขวัญวันพระราชสมภพครบ 72 พรรษาแด่ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาส ราชนครินทร์ เมื่อ พ.ศ. 2538

ใส่ความเห็น